• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

คนที่ไปถึงเป้าหมาย เป็นเจ้าคนนายคนมักจะคิดแบบงี้

Started by fairya, April 05, 2023, 11:42:14 PM

Previous topic - Next topic

fairya

ตอนที่ยังเป็นผู้เรียน หลายๆคนต่างเชื่อเสมอว่าถ้าหากได้ตั้งมั่นเรียน สอบติดภาควิชาที่ใช่

ยิ่งมีโอกาสได้งานที่ดี เงินเดือนที่ดี และยิ่งเป็นอาชีพที่ใครกันแน่ก็รู้จักอาทิเช่น ข้าราชการ, วิศวกร


นักธุรกิจยิ่งน่าภาคภูมิไปใหญ่ เพราะว่านอกเหนือจากค่าจ้างรายเดือนที่ได้ ส ม น้ำ ส ม เ นื้ อ มีจำนวนหลายชิ้นพอที่จะเผื่อแผ่


ครอบครัวได้ มีสวัสดิการรองรับให้เป็นสุขยังเป็นอาชีพที่จัดว่า "มีหน้ามีตา" คนใดก็ต้อนรับกันหมด

แต่ในโลกของเรื่องจริงแล้ว อาชีพที่ "มีหน้ามีตา" ในสังคม มิได้เหมาะกับทุกคนเสมอไป

และในแต่ละอาชีพ เขาก็มีการระบุอัตรารับสมัครแต่ละปีที่ออกจะจำกัดน่ะสิ !

"แล้วจะเรียนไปเพราะเหตุใด หากท้ายที่สุดก็ได้งานที่ไม่ตรงสาย/ งานที่น้อยคนจะรู้จัก/ ค่าตอบแทนรายเดือนที่ไม่ได้มากมายก่ายกองอะไร ?"

ปัญหานี้จะได้คำตอบที่ เ ค รี ย ด มากมายเลย เพราะมันเต็มไปด้วยความมุ่งหวังที่มีความคิดว่า

"เรามีทางเลือกอยู่ไม่กี่อย่างในชีวิต" แต่ถ้าเกิดทดลองเปลี่ยนเป็นความนึกคิด "ฉันทำงานอะไรก็ได้


ไม่ว่าจะตรงสายหรือไม่ก็ตาม" มันบางทีอาจมองประโยคขี้แพ้ในสายตาบางบุคคล


แต่ว่าถ้าคิดๆดูแล้ว มันรู้เรื่องบันเทิงใจ มากมายกว่าการตั้งข้อซักถามแบบแรกเพราะเหตุว่าเรื่องจริงของชีวิตคือ

1. มนุษย์ทุกคนมีความสามารถในตัวเอง "แตกต่าง" กันไปเราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเก่งเช่นเดียวกันหมด

2. ในรั้วสถานที่เรียน- ม ห า วิ ท ย า ลั ยต่อให้เราได้เรียนกับอาจารย์ที่เก่งมากแค่ไหน

ขอบเขตความรู้มันก็เป็นเพียงแค่วิชาความรู้ในรั้วแค่นั้นโลกของวัยผู้ใหญ่ที่โตขึ้น เรายังต้องรู้เหตุการณ์อีกมากมาย

เรียนรู้กันอีก ย า ว ลองผิดลองถูกกันอีกมากมายเพราะฉะนั้น จะมา ฟั น ธ ง ว่าเรียนมาสายวิทย์

จำต้องดำเนินงานสายวิทย์ เรียนสายภาษาจำเป็นต้องดำเนินการสายภาษา มันก็ผิดเสมอ

3. มันคือเรื่องปกติที่มนุษย์เราจึงควรวิ่งตามหาสิ่งที่ "ใช่"

ค่อยๆศึกษา ค่อยๆปรับตัวไป สิ่งที่พวกเรากำลังสนุกเวลานี้ อาจจะยังไม่ใช่ที่สุด

สิ่งที่เราเก่งขณะนี้ ในวันข้างหน้า มันอาจเป็นแค่เพียงความจำ

ด้วยเหตุว่าอาจมีหลายสาเหตุให้คิดมากขึ้น ตัวอย่างเช่น จำเป็นต้องพับแผนการเรียนต่อเอาไว้

เพราะเงินไม่พอจึงควรดำเนินการหารายได้ก่อน แล้วค่อยไปเรียนศิลปะที่พวกเราชอบ ...

เราจะต้องมองจังหวะของชีวิตด้วย (ความจำเป็นของชีวิตแต่ละตอน


4. สิ่งที่พวกเราเรียนมาเป็นสิบเป็นร้อยกว่าวิชา มันคือ "การหล่อหลอม" หลายวิชาไม่ได้

สอนพวกเราทางตรง แต่ให้พวกเราเบาๆซึมซับข้อดีแม้กระนั้นอย่างไปเอง ยกตัวอย่างเช่น ฝึกความทรหดอดทน, ฝึกฝนความวิจิตรบรรจง,

ฝึกหัดความสามารถการเข้าสังคมในคราวหนึ่งที่พวกเรามองไม่เห็นประโยชน์ว่าจะใช้อะไรได้จริง เพียงพอโตขึ้นอีกหน่อย

มันก็ต้องมีบ้างแหละที่เรานึกอะไรขึ้นมาจนกระทั่งจำเป็นต้องไปหา อ่ า น ปัดฝุ่นหนังสือเรียนอีกรอบ

ทุกความรู้ที่เราได้รับ ไม่เคยสูญเปล่า แค่พวกเราไม่เห็นค่ามันเอง ลองคิดดูให้ดีสิ !

5. มนุษย์เราต้องมีโอกาสให้กับชีวิตไว้หลายด้าน หรือ "มีแผนการสำรอง"

เพื่อไม่เป็นการปิ ด กั้ นตัวเองกระทั่งเกินไป ตัวอย่างเช่น ถ้าหากวุฒิที่พวกเราเรียนมามันหางาน ย า ก จะยอมรึเปล่าที่เอาวุฒิต่ำลงมากยิ่งกว่านี้หางานไปก่อน?

ถ้าเกิดเรามิได้อาชีพนี้ เรายอมได้รึเปล่าที่จะทำอาชีพอื่นไปพลางๆก่อน?

ความฝันสิ่งที่ใช่ มันไม่สมควรเป็นสิ่งที่ได้ดั่งจิตใจในทันทีมันคือเรื่องปกติมากๆที่จะต้องแลกกับความเหนื่อย

ความ พ ย า ย า ม หลายเท่าตัว ก็เลยไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดถ้าจะพบว่าเพราะอะไร ห ม อ

บางคนถึงเขียนเพลงได้?

เพราะเหตุไรบางคนเรียนวิชาชีพแต่มาเป็นศิลปิน?

ทำไมบางคนเรียนไม่จบแต่บรรลุผลสำเร็จ?

ถ้ายังไม่เข้าในข้อนี้ ทดลองย้อนกลับไป อ่ า น ข้อ 4 อีกรอบขึ้นชื่อว่า "ความรู้" เราได้รับมา

ถึงจะไม่ใช้ในทันทีก็ไม่ควรเสียดาย ขึ้นชื่อว่า "ความฝัน" ถึงจะยังไม่ใช่ในวันนี้

ใช่ว่าวันหน้าจะเป็นไปไม่ได้ มันอยู่ที่ตัวเราล้วนๆว่า... "รู้สึกตัวดีหรือไม่ว่าทำอะไรอยู่?" รวมทั้ง

"พร้อมจะยืดหยุ่นกับทุกเหตุการณ์ชีวิตรึเปล่า?"

อย่ าลืมว่า...โลกเรากลม และมีหลายมิติ ใช่ว่าจะต้องมองดูเพียงแต่ด้านเดียว
ทำงานไม่ตรงสาย
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13507/
คำค้นหา : ข้อคิดชีวิต